แบบคำขอรับบริการออนไลน์ เทศบาลตำบลบางกระบือ




คลิ๊กที่นี่

 

เครียดมากไป เสี่ยงหลายโรค ‼️

????เครียดมากไป เสี่ยงหลายโรค ‼️
.
ความเครียดนั้นเป็นเรื่องปกติที่ใครๆ ก็สามารถพบเจอได้ทุกวัน โดยปกติแล้วเมื่อมีความเครียดร่างกายเราก็จะหลั่งฮอร์โมนออกมาเพื่อจัดการ ส่งผลให้เกิดอาการทางกาย เช่น หัวใจเต้นแรง ใจสั่น ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใดค่ะ แต่หากความเครียดนั้นสะสมเรื้อรังเป็นเวลานาน ก็อาจส่งผลร้ายแรงต่อร่างกายของเราได้นะ! เรามาดูกันว่ามีโรคอะไรที่อาจเกิดจากความเครียดได้บ้างค่ะ
.
1. โรคความดันโลหิตสูง
เมื่อเราเกิดความเครียด ความดันโลหิตก็จะสูงขึ้น และอาจเสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตสูงได้ โดยเฉพาะกับคนที่เครียดบ่อยๆ ก็จะมีความเสี่ยงสูงเป็น 2 เท่า!
.
2. โรคหัวใจ
ความเครียดอาจส่งผลให้การทำงานของหัวใจผิดปกติและตกอยู่ในภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงจากความเครียด ซึ่งจะส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และมีโอกาสหัวใจวายสูงขึ้น!
.
3. โรคเครียดลงกระเพาะ
ความเครียดที่สะสมมาอย่างยาวนาน ก็อาจทำให้ร่างกายหลั่งน้ำย่อยออกมาในปริมาณมากกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดอาการท้องอืด ลำไส้แปรปรวน หรือกรดไหลย้อนได้
.
4. โรคนอนไม่หลับ
ความเครียดทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายที่มีผลกระทบต่อการนอนหลับ ส่งผลทำให้นอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิท ทำให้ตื่นมาแล้วมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย และหงุดหงิดง่ายขึ้น
.
5. โรคไมเกรน
ความเครียดมีผลต่อสารเซโรโทนินในสมองให้พร่องไป ทำให้หลอดเลือดเกิดการพองขยายและหดตัวมากกว่าปกติ ส่งผลให้มีโอกาสเป็นไมเกรนสูงขึ้นได้
.
6. โรคออฟฟิศซินโดรม
ผู้ที่มีความเครียดสูงมักมีพฤติกรรมนั่งทำงานนานๆ ไม่ขยับเคลื่อนไหว ทำให้กล้ามเนื้อตึงและอักเสบ เกิดอาการปวดตึงที่ศีรษะ ลามไปถึงคอ บ่า และไหล่ได้
.
7. โรคอ้วน
ภาวะความเครียดจะทำให้เกิดการหลั่งสารความเครียดที่เรียกว่า Stress Hormone ซึ่งจะไปกระตุ้นให้เซลล์ในร่างกายมีการสะสมและเก็บไขมันมากยิ่งขึ้น และยังทำให้รู้สึกหิวเร็ว หิวบ่อย อยากกินจุกกินจิกมากขึ้น
.
8. โรคซึมเศร้า
หากภาวะความเครียดสะสมเป็นเวลานานๆ โดยไม่จัดการกับมัน ก็อาจพัฒนาเป็นโรคซึมเศร้าและมีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตได้ค่ะ
.
เห็นไหมคะว่าความเครียดส่งผลร้ายต่อเราได้มากขนาดไหน หากพบว่าตนเองมีอาการดังกล่าวที่มาจากความเครียด ก็ลองหากิจกรรมที่ช่วยเติมความสุขให้กับตัวเอง เช่น ออกกำลังกาย ทานอาหาร อร่อยๆ ออกไปเที่ยวบ้าง หรือสังสรรค์กับเพื่อน เพราะร่างกายจะหลั่งสารความสุขออกมาทำให้ความเครียดลดลงและสุขภาพดีขึ้นได้นะคะ

ศูนย์บริการคนพิการจังหวัดชลบุรี ประชาสัมพันธ์การรับสมัครงานสำหรับผู้พิการ

บริษัท กลอรี่ วินเนอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
** เปิดรับสมัคร ผู้พิการ (ตำแหน่ง ฝ่ายผลิต)
** คุณสมบัติ
- เพศชาย-หญิง / อายุ 20 - 35 ปี
- วุฒิการศึกษา (ไม่จำกัด) สามารถ อ่านออก,เขียนได้
- มีประสบการณ์ฝ่ายผลิตหรือเคยทำงานโรงงาน (จะพิจารณาเป็นพิเศษ)
- สามารถเดินทางมาทำงานได้ บริษัทฯไม่มีรถรับส่ง
- ปฏิบัติงานจันทร์ - เสาร์ 6 วัน/สัปดาห์
- พร้อมเริ่มงานได้ทันที (จะพิจารณาเป็นพิเศษ)
- หากสนใจติดต่อได้ที่ 06-1390-5790 และ 061-390-6358 หรือแอดไลน์ 0613906358
ลิงค์สำหรับลงทะเบียนสมัครงาน https://docs.google.com/.../1WuvOKJj4lJOghoyCJOytm4h.../edit
อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน และ ข้อความ

???? หิวก็ปวด อิ่มก็ปวด เป็นๆ หายๆ ???? หรือเราจะเป็น "แผลกระเพาะอาหาร" ⚠️

???? หิวก็ปวด อิ่มก็ปวด เป็นๆ หายๆ ????
หรือเราจะเป็น "แผลกระเพาะอาหาร" ⚠️
.
หากใครรู้สึกว่าไม่ว่าจะกินน้อยหรือกินเยอะ ท้องก็รู้สึกไม่สบาย ปวดอยู่บ่อยๆ เป็นๆ หายๆ คงทำให้หลายคนเคยชิน จนไม่คิดสงสัยว่าตนเองอาจกำลังเป็น "โรคแผลกระเพาะอาหาร" ???? ซึ่งถ้าไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาการอาจลุกลามจนก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงตามมาในอนาคตได้ค่ะ
.
????แผลในกระเพาะอาหาร เกิดจากอะไร?
โรคแผลในกระเพาะอาหาร มีสาเหตุสำคัญมาจากกรดและน้ำย่อยที่หลั่งออกมาภายในกระเพาะอาหารมากเกินปกติ ร่วมกับการที่เยื่อบุเมือกในผนังกระเพาะอาหารสร้างแนวต้านทานกรดได้ไม่ดีพอ ส่งผลทำให้ผนังภายในกระเพาะอาหารถูกทำลายจนเกิดการอักเสบเป็นแผล หากทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา โรคนี้อาจนำไปสู่ภาวะที่รุนแรงกว่า เช่น เกิดเลือดออกในกระเพาะอาหาร หรือแม้กระทั่งเป็นแผลทะลุได้
.
????อาการบ่งชี้ว่าอาจกำลังมีแผลในกระเพาะ
อาการที่พบ คือ ปวดแสบ จุกเสียดบริเวณใต้ลิ้นปี่ ซึ่งอาการปวดมักเกี่ยวข้องกับมื้ออาหาร อาจมีอาการคลื่นไส้ และเรอเปรี้ยว ในกรณีที่แผลอยู่ในลำไส้เล็กส่วนต้น อาการปวดมักเกิดขึ้นหลังจากกินอาหาร 1-3 ชั่วโมง แต่บางครั้งอาการปวดอาจไม่ได้เกิดขึ้นตลอดเวลา แต่จะเป็นๆ หายๆ ทั้งก่อนหรือหลังมื้ออาหาร
.
????ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร
- การใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความเครียดและความกังวล
- การกินอาหารไม่ตรงเวลา การอดอาหารบ่อยๆ
- การกินอาหารรสจัดเป็นประจำ
- การสูบบุหรี่ และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- การใช้ยาแก้ปวดจำพวก Aspirin หรือยาลดการอักเสบเป็นประจำ
.
นอกจากนี้ การติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (H. pylori) ผ่านทางการกินน้ำและอาหารที่มีเชื้อปนเปื้อน เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะไปอยู่ในกระเพาะอาหาร และทำให้เกิดการอักเสบของกระเพาะอาหาร และอาจเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้
.
????แนวทางการรักษาและดูแลตนเอง
การรักษาโรคกระเพาะอาหารมักเริ่มต้นด้วยการใช้ยาลดกรดและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น
- กินอาหารให้ตรงเวลาในทุกๆ มื้อ
- เน้นอาหารที่ย่อยง่ายและเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน
- หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่กระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร เช่น อาหารรสจัด เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด ของหมักดอง แอลกอฮอล์ ชา กาแฟ น้ำอัดลม
- จำกัดการใช้ยาที่อาจทำให้เกิดการระคายเคือง เช่น แอสไพริน ยาสเตียรอยด์ และยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ หากจำเป็นต้องใช้ให้ปรึกษาแพทย์
- หมั่นหาเวลาพักผ่อนเพื่อผ่อนคลายจิตใจ หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดความเครียดและความกังวลใจ
.
ทั้งนี้ หากคุณสงสัยว่าตนเองอาจเผชิญกับโรคนี้ ก็อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม โดยแพทย์อาจแนะนำให้ทำการตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยการส่องกล้องเพื่อดูสภาพของกระเพาะอาหารและตรวจหาเชื้อ H. pylori เพื่อหาสาเหตุและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมต่อไป ????
.
การรับมือกับ "โรคกระเพาะอาหาร" ไม่ใช่เรื่องยากถ้าเราใส่ใจและดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ทั้งการรักษาตามแนวทางของแพทย์และการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้เหมาะสม สุขภาพดีของกระเพาะอาหารสามารถนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ค่ะ ????????

"แน่นหน้าอก" ???? สัญญาณอันตรายหรือไม่? เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์? ????

"แน่นหน้าอก" ????
สัญญาณอันตรายหรือไม่?
เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์? ????
.
"แน่นหน้าอก" เป็นอาการที่หลายคนอาจเคยเผชิญและเป็นห่วงว่าจะเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจหรือไม่ แต่ความจริงแล้วอาการนี้อาจเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุค่ะ ไม่ว่าจะเป็นความเครียด โรคในทางเดินหายใจ ระบบย่อยอาหาร หรือแม้แต่โรคอื่นๆ ที่ไม่คาดคิด เรามาดูกันค่ะว่าอาการแน่นหน้าอกนั้นมีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง และเมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์ค่ะ ????????
.
????สาเหตุของอาการแน่นหน้าอก
1️⃣ โรคปอดและการติดเชื้อ: ได้แก่ โรคหืด, โควิด-19, โรคหลอดลมอักเสบ, โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง, ปอดบวม, ปอดรั่ว, และความดันหลอดเลือดปอดสูง โดยมีอาการต่างกันดังนี้:
- โรคหืด: อาการแน่นหน้าอก, ไอ, หายใจลำบาก, หายใจมีเสียงหวีด
- โควิด-19: ไอ, มีไข้, อ่อนเพลีย, หายใจลำบาก, เจ็บหรือแน่นหน้าอก
- โรคหลอดลมอักเสบ: ไอมีเสมหะเรื้อรัง, แน่นหน้าอก, หายใจลำบาก, หายใจมีเสียงหวีด
- โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง: หายใจลำบาก, หายใจมีเสียงหวีด, แน่นหน้าอก, ไอเรื้อรัง
- ปอดบวม: เจ็บหรือแน่นหน้าอก, ไอ, อ่อนเพลีย
- ปอดรั่ว: เจ็บแปลบหรือแน่นหน้าอก, หายใจหอบถี่, หัวใจเต้นเร็ว, ผิวเขียวคล้ำ
- ความดันหลอดเลือดปอดสูง: หายใจลำบาก, เจ็บหรือแน่นหน้าอก, อ่อนเพลีย, เวียนศีรษะ, เป็นลม
.
2️⃣ โรคหัวใจ: รวมถึงโรคหลอดเลือดหัวใจ, เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ, และหัวใจวาย โดยมีอาการต่างกันดังนี้:
- โรคหลอดเลือดหัวใจ: เจ็บหรือแน่นหน้าอกหลังกิจกรรมหรือเครียด, หายใจลำบาก
- เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ: เจ็บแปลบ, แน่นหน้าอก, อาการลามไปหัวไหล่ซ้าย, หายใจลำบากเมื่อนอนราบ
- หัวใจวาย: หายใจลำบากหลังกิจกรรม, เหนื่อยง่าย, หัวใจเต้นเร็ว, บวมที่ขาและเท้า, เจ็บหน้าอก
.
3️⃣ ระบบทางเดินอาหาร: เช่น กรดไหลย้อน, แผลในกระเพาะอาหาร, ไส้เลื่อนกระบังลม, และความผิดปกติของหลอดอาหาร โดยมีอาการต่างกันดังนี้:
- กรดไหลย้อน: แสบร้อนอก, เรอเปรี้ยว, กลืนลำบาก, เจ็บหรือแน่นหน้าอก
- แผลในกระเพาะอาหาร: ปวดท้อง, แสบท้อง, ปวดบีบรัด, แน่นหน้าอก
- ไส้เลื่อนกระบังลม: คล้ายกรดไหลย้อน, กลืนลำบาก, ปวดท้อง, เจ็บหน้าอก
- ความผิดปกติของหลอดอาหาร: อาการแน่นหน้าอกจากกล้ามเนื้อหลอดอาหารทำงานผิดปกติ
.
4️⃣ ความเครียดและวิตกกังวล: ซึ่งทำให้ร่างกายตอบสนองด้วยกลไกต่อสู้หรือหนี ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นและอาจส่งผลให้เกิดอาการแน่นหน้าอก
.
5️⃣ ปัญหากล้ามเนื้อและกระดูก: ได้แก่ กล้ามเนื้อฉีกบริเวณซี่โครง, กระดูกซี่โครงหัก, และภาวะกระดูกอ่อนซี่โครงอักเสบ โดยมีอาการต่างกันดังนี้:
- กล้ามเนื้อฉีกบริเวณซี่โครง: หากมีอาการรุนแรงอาจทำให้รู้สึกเจ็บหน้าอกขณะหายใจ
- กระดูกซี่โครงหัก: เจ็บปวดอย่างรุนแรงบริเวณหน้าอก
- ภาวะกระดูกอ่อนซี่โครงอักเสบ: แน่นหน้าอก, อาการแย่ลงเมื่อหายใจเข้าลึกๆ หรือขยับตัว
.
???? แน่นหน้าอกแบบใดควรรีบไปพบแพทย์?
- เกิดอาการแน่นหน้าอกอย่างเฉียบพลันโดยไม่ทราบสาเหตุ
- มีอาการเจ็บหน้าอกลามไปที่ไหล่ แขน หลัง คอ หรือกราม เหงื่อออก เวียนศีรษะ หายใจลำบาก
.
จะเห็นได้ว่าอาการแน่นหน้าอกอาจเกิดจากอาการเจ็บป่วยต่างๆ ได้มากมาย ทั้งที่เป็นอันตรายและไม่เป็นอันตราย แต่หากเราเข้าใจสัญญาณที่ร่างกายส่งมาและไม่ประมาท ก็จะช่วยให้เราไปพบแพทย์ได้ทันท่วงที ดูแลสุขภาพกันให้ดีนะคะ ????????‍⚕️????

ทำอย่างไรดี? เมื่อค่าไขมัน LDL สูง

 
????ทำอย่างไรดี? เมื่อค่าไขมัน LDL สูง ????????‍♂️
.
⚠️หากปล่อยให้มีไขมันในเลือดสูงจะทำให้เกิดการสะสมของไขมันในผนังหลอดเลือด ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายได้ เช่น โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคไต ภาวะหัวใจหยุดเต้น❗
.
✅ จึงควรคุมอาหารประเภทที่มีไขมันทรานส์ (Trans Fat) เพราะไขมันทรานส์ทําให้ค่า LDL ขึ้นสูงได้มากที่สุด
✅ ควรนอนให้เร็ว นอนก่อน 22.00 น. ถ้าเกิดเรานอนดีการฟื้นฟูฮอร์โมนของร่างกายจะทําได้ดี
✅ ควรรับประทานมื้อเย็นให้น้อย ไม่ควรรับประทานอาหารแคลอรี่สูงในมื้อเย็น เพราะคอเลสเตอรอลสร้างตอนกลางคืนได้มากขึ้น
.
????ปกติแล้ว 70%-80% ของไขมันที่อยู่ในเลือดเกิดจากร่างกายเราสร้างขึ้นเอง แล้วเกิดจากการรับประทานอาหาร 20%-30% ดังนั้นจึงควรหาอาหารเสริมที่ไปลดการสร้างคอเลสเตอรอลของร่างกาย นั่นคือ โพลิโคซานอล สารสกัดจากข้าวโพด และ Red Yest Rice สารสกัดจากยีสต์แดง
.
✅ เสริม Lipizone ที่มีส่วนประกอบของ Red Yeast Rice, Policosanol ก็จะช่วยลดคอเลสเตอรอล ช่วยลด LDL และไตรกลีเซอไรด์ได้

บทความ อื่นๆ ...

Thai Arabic Chinese (Traditional) English French German Indonesian Japanese Korean Vietnamese



นายมาโนช ชัยโชค
ผู้อำนวยการกองช่าง
รักษาราชการแทน
 ปลัดเทศบาล

เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ 034-757727






 

คุณพอใจ เทศบาลตำบลบางกระบือ ด้านใด
























QR Code
ทต.บางกระบือ




ลิขสิทธิ์ © 2558-2563 เทศบาลตำบลบางกระบือ จังหวัดสมุทรสงคราม สงวนไว้ซึ่งสิทธิทั้งหมด.
เทศบาลตำบลบางกระบือ อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม โทร 034-757-675

นโยบายการคุัมครองข้อมูลส่วนบุคคล