ทำอย่างไรดี? เมื่อค่าไขมัน LDL สูง

.

หากปล่อยให้มีไขมันในเลือดสูงจะทำให้เกิดการสะสมของไขมันในผนังหลอดเลือด ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายได้ เช่น โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคไต ภาวะหัวใจหยุดเต้น

.

จึงควรคุมอาหารประเภทที่มีไขมันทรานส์ (Trans Fat) เพราะไขมันทรานส์ทําให้ค่า LDL ขึ้นสูงได้มากที่สุด

ควรนอนให้เร็ว นอนก่อน 22.00 น. ถ้าเกิดเรานอนดีการฟื้นฟูฮอร์โมนของร่างกายจะทําได้ดี

ควรรับประทานมื้อเย็นให้น้อย ไม่ควรรับประทานอาหารแคลอรี่สูงในมื้อเย็น เพราะคอเลสเตอรอลสร้างตอนกลางคืนได้มากขึ้น

.

ปกติแล้ว 70%-80% ของไขมันที่อยู่ในเลือดเกิดจากร่างกายเราสร้างขึ้นเอง แล้วเกิดจากการรับประทานอาหาร 20%-30% ดังนั้นจึงควรหาอาหารเสริมที่ไปลดการสร้างคอเลสเตอรอลของร่างกาย นั่นคือ โพลิโคซานอล สารสกัดจากข้าวโพด และ Red Yest Rice สารสกัดจากยีสต์แดง

.

เสริม Lipizone ที่มีส่วนประกอบของ Red Yeast Rice, Policosanol ก็จะช่วยลดคอเลสเตอรอล ช่วยลด LDL และไตรกลีเซอไรด์ได้

ภัยสุขภาพที่มักมาพร้อมกับ "ฝนตก-น้ำท่วม"

.

เมื่อถึงฤดูฝน หลายพื้นที่มักเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมและน้ำขัง ซึ่งนอกจากจะทำให้เกิดความไม่สะดวกในชีวิตประจำวันแล้ว ยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของโรคภัยไข้เจ็บอีกหลายชนิด ดังนั้น การรู้เท่าทันและเตรียมพร้อมรับมือกับโรคที่มากับฝนและน้ำท่วมจึงเป็นสิ่งสำคัญ มาดูกันว่ามีโรคอะไรที่เราต้องระวังและมีวิธีป้องกันอย่างไรค่ะ

.

โรคไข้เลือดออก

ฝนตกหนักทำให้เกิดแอ่งน้ำขังในหลายจุด ซึ่งกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายที่เป็นพาหะของโรคไข้เลือดออก อาการของโรคไข้เลือดออกที่พบคือ มีไข้สูงลอย 2-7 วัน ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อ มีผื่นแดงขึ้นตามตัว คลื่นไส้ และอาเจียน หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเพราะอาจเป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ค่ะ

วิธีป้องกัน:

- กำจัดแหล่งน้ำขัง: ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายด้วยการคว่ำภาชนะเก็บน้ำ ปิดฝาถังน้ำ หรือใส่ทรายกำจัดลูกน้ำในภาชนะที่ต้องการเก็บน้ำ

- ใช้ยากันยุง: ทายากันยุงหรือสเปรย์ไล่ยุงที่มีส่วนผสมของ DEET เพื่อป้องกันยุงกัด โดยเฉพาะเมื่อต้องออกไปนอกบ้านหรืออยู่ในพื้นที่ที่มียุงชุกชุม

- นอนในมุ้ง: หากพื้นที่ของคุณเป็นแหล่งแพร่พันธุ์ยุง ควรนอนในมุ้งหรือใช้มุ้งลวดป้องกันยุงเข้ามาในบ้าน โดยเฉพาะเด็กเล็กควรได้รับการป้องกันเป็นพิเศษ

.

โรคตาแดง

น้ำท่วมมักทำให้เกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรคในน้ำ รวมถึงเชื้อที่ทำให้เกิดโรคตาแดง ซึ่งสามารถติดต่อได้ง่ายผ่านการสัมผัสอุปกรณ์ส่วนตัวที่ใช้ร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดตัว หรือแม้แต่การขยี้ตาหลังจากสัมผัสเชื้อ

วิธีป้องกัน:

- ล้างมือบ่อยๆ: ใช้สบู่และน้ำสะอาดล้างมือเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังจากสัมผัสน้ำท่วม น้ำสกปรก หรือน้ำที่อาจปนเปื้อนเชื้อ

- หลีกเลี่ยงการขยี้ตา: เมื่อตาเกิดอาการคันหรือระคายเคือง ควรหลีกเลี่ยงการขยี้ตาโดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ตาและทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น

- แยกของใช้ส่วนตัว: ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าขนหนู ผ้าปูที่นอน และเครื่องสำอางที่ใช้แต่งบริเวณรอบดวงตา เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ

.

โรคระบบทางเดินหายใจ

ในช่วงที่อากาศชื้นและฝนตกบ่อย การระบายอากาศในบางพื้นที่ไม่ดี ทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคในอากาศ เช่น ไข้หวัดใหญ่ หรือโรคปอดบวม อาการที่พบได้บ่อยคือ ไข้สูง เจ็บคอ คัดจมูก และมีน้ำมูก

วิธีป้องกัน:

- รักษาความสะอาดส่วนตัว: ล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดทุกครั้งหลังจากสัมผัสสิ่งของที่อาจมีเชื้อโรคติดอยู่ หรือต้องใช้ในที่สาธารณะ เช่น ลูกบิดประตู ปุ่มกดลิฟต์

- สวมหน้ากากอนามัย: เมื่อออกไปในที่สาธารณะหรือต้องอยู่ในที่ที่มีคนแออัด ควรสวมหน้ากากเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อผ่านทางละอองฝอยจากการไอหรือจาม

- เลี่ยงใกล้ชิดผู้ป่วย: ถ้ามีคนรอบตัวป่วย ควรหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ โดยเฉพาะในช่วงที่ระบบภูมิคุ้มกันของเราต่ำลง

.

โรคน้ำกัดเท้า

เมื่อต้องเดินลุยน้ำหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ชื้นนานๆ ผิวหนังจะเกิดอาการอักเสบ บวมแดง และอาจเกิดแผลติดเชื้อได้ง่าย

วิธีป้องกัน:

- สวมรองเท้าบู๊ท: หากต้องลุยน้ำเป็นเวลานาน ควรสวมรองเท้าบู๊ทหรือรองเท้าที่มีการป้องกันน้ำ เพื่อป้องกันการสัมผัสกับเชื้อโรคในน้ำโดยตรง

รีบเช็ดเท้าให้แห้ง: หลังจากที่ต้องลุยน้ำ ควรรีบล้างเท้า- ให้สะอาดด้วยสบู่และเช็ดให้แห้งทันที เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อราและแบคทีเรีย

- ใช้ยาฆ่าเชื้อเมื่อมีบาดแผล: หากมีแผลที่เท้า ควรใช้ยาฆ่าเชื้อหรือแอลกอฮอล์เช็ดแผลเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และหากมีอาการอักเสบหรือบวมมากขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันทีค่ะ

.

โรคฉี่หนู

โรคฉี่หนู หรือโรคเลปโตสไปโรซิส เกิดจากการสัมผัสน้ำที่ปนเปื้อนฉี่ของสัตว์ เช่น หนู อาการที่พบบ่อยคือ มีไข้สูง ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ และตาแดง

วิธีป้องกัน:

- เลี่ยงการลุยน้ำที่ไม่สะอาด: หากไม่จำเป็นควรหลีกเลี่ยงการลุยน้ำท่วมที่อาจปนเปื้อนเชื้อโรค โดยเฉพาะหากมีบาดแผลที่ผิวหนัง เพราะเชื้อโรคสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผลได้

- ดูแลความสะอาดที่พักอาศัย: ทำความสะอาดบริเวณที่พักเพื่อไม่ให้เป็นแหล่งซ่อนตัวของหนู เช่น การเก็บขยะอย่างมิดชิด และปิดรูรั่วที่หนูอาจเข้ามาในบ้านได้

.

โรคติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร

การบริโภคอาหารที่ไม่สะอาดหรือปนเปื้อนเชื้อโรค เช่น อาหารที่ไม่ปรุงสุกหรือไม่ได้เก็บรักษาอย่างถูกสุขลักษณะ อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียหรือโรคบิด

วิธีป้องกัน:

- ดื่มน้ำสะอาด: ควรดื่มน้ำที่ผ่านการต้มสุก หรือน้ำที่มั่นใจว่าสะอาดและไม่มีการปนเปื้อน

- รับประทานอาหารปรุงสุกใหม่: หลีกเลี่ยงอาหารที่ค้างคืนหรืออาหารที่ไม่ได้รับการเก็บรักษาอย่างถูกต้อง เช่น อาหารที่วางทิ้งไว้โดยไม่มีการปิดฝา เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้ามาปนเปื้อน

- ล้างมือก่อนและหลังรับประทานอาหาร: ล้างมือด้วยสบู่ทุกครั้งก่อนการรับประทานอาหาร และหลังการใช้ห้องน้ำ เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่อาจเข้าสู่ร่างกายทางปาก

.

สุดท้ายนี้ก็อยากฝากเอาไว้ว่า ในช่วงที่ฝนตกหนักและน้ำท่วมเช่นนี้ ก็อย่าลืมติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้น เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและคนที่คุณรักนะคะ

 

ท้องอืดบ่อย อย่าปล่อยไว้นานอาจร้ายแรงกว่าที่คิด

.

ท้องอืด

ท้องเฟ้อ

จุกแน่นท้อง

.

หลายคนมักมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกแน่นท้อง หลังรับประทานอาหาร อาการนี้บางคนคิดว่าไม่เป็นอะไรมากนัก แต่หากปล่อยไว้นานๆ จนเป็นอาการเรื้อรังย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพ

.

ท้องอืดอาจเกิดจากโรคลำไส้แปรปรวน ภาวะจุลินทรีย์ในลำไส้เล็กเจริญเติบโตมากผิดปกติ ลำไส้อุดตัน หรือโรคมะเร็งได้ โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้หรือมะเร็งมดลูก

.

ควรทำอาหารรับประทานเองเพื่อควบคุมปริมาณอาหารและอาหารไม่ผ่านการปรุงแต่งมากนัก

รับประทานผักหรือผลไม้ที่ให้น้ำมากก็จะให้อิเล็กโทรไลต์ที่ดีต่อร่างกาย

รับประทานสมุนไพร เช่น ขิง ยี่หร่า ขมิ้น จะช่วยบรรเทาอาหารท้องอืด ท้องผูกได้

รับประทานอาหารที่มีโปรไบโอติก เช่น กิมจิ เทมเป้ คอมบูชา

เสริมด้วยอาหารเสริม Probiotic ช่วยป้องกันและรักษาการติดเชื้อในทางเดินอาหาร ทางเดินปัสสาวะ และช่องคลอด ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

 

.

ที่ผ่านมาเราอาจเคยพบกับอาการปวดท้องในรูปแบบต่างๆ บ้างเป็นเพียงอาการเล็กน้อยจากการย่อยอาหารไม่ดี แต่บางครั้งอาการปวดท้องก็อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับอวัยวะภายในช่องท้อง ซึ่งหากปล่อยไว้ไม่ได้รับการตรวจหาสาเหตุและการรักษาอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่ภาวะฉุกเฉินและจำเป็นต้องผ่าตัดอย่างเร่งด่วนก็เป็นได้ค่ะ วันนี้เราจึงขอชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับอาการปวดท้องที่อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้าย ซึ่งเราควรทำความรู้จักและเตรียมพร้อมรับมือเอาไว้ค่ะ

.

มะเร็งกระเพาะอาหาร : ผู้ป่วยมักไม่มีอาการแสดงเฉพาะที่ชัดเจน เช่น ปวดไม่สบายท้อง เบื่ออาหาร อาหารไม่ย่อย ท้องอืด คลื่นไส้ หรือรู้สึกแสบร้อนบริเวณอก ซึ่งอาการเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงโรคอื่นที่มีอาการใกล้เคียงกันได้ เช่น โรคแผลในกระเพาะอาหารหรือโรคกระเพาะอาหารอักเสบ แต่ก็อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งกระเพาะอาหารได้เช่นกันค่ะ

.

มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก : ผู้ป่วยจะมีอาการเรื้อรัง เช่น ปวดท้องเรื้อรัง ท้องอืดเรื้อรัง ท้องเสียสลับท้องผูก หรือมีมูกเลือดปนในอุจจาระ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักได้ค่ะ

.

มะเร็งตับอ่อน : ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องบริเวณลิ้นปี่ ท้องเสีย เบื่ออาหาร พร้อมกับตัวและตาเหลือง นอกจากนี้ ผู้ป่วยยังอาจคลำพบก้อนที่ท้อง ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงโรคมะเร็งตับอ่อนค่ะ

.

แผลในกระเพาะอาหาร : ผู้ป่วยจะมีอาการปวดแสบปวดร้อนในกระเพาะอาหาร หรือปวดแน่นท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่ ซึ่งหากอาการนี้เป็นๆ หายๆ เรื้อรังเป็นเวลานาน และหากมีอาการปวดรุนแรงหรือถ่ายเลือด ก็ควรรีบไปพบแพทย์ค่ะ

.

ตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง : ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องบริเวณช่องท้องส่วนบนแบบเรื้อรัง อาจปวดตลอดเวลาหรือเป็นๆ หายๆ ร่วมกับการถ่ายเป็นสีเทาหรือซีดลง ซึ่งเป็นอาการที่มักเกิดจากตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง

.

ถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง : ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงด้านขวา มักเป็นๆ หายๆ และอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน อาหารไม่ย่อย ท้องอืด ท้องเฟ้อ ซึ่งเป็นอาการที่อาจบ่งบอกถึงโรคถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรังค่ะ

.

หากสังเกตว่าอาการปวดท้องนั้นผิดปกติก็ไม่ควรละเลยเป็นอันขาดนะคะ โดยเฉพาะหากมีอาการปวดท้องดังต่อไปนี้

ปวดท้องนานเกิน 6 ชั่วโมงโดยไม่มีท่าทีทุเลา

ปวดท้องร่วมกับอาเจียน

ปวดท้องรุนแรงจนไม่สามารถนอนหลับได้

ปวดท้องและมีเลือดออกทางช่องคลอด

ปวดท้องร่วมกับมีไข้

ปวดท้องร่วมกับมีอาการหอบเหนื่อย หน้ามืด เป็นลม

.

หากมีอาการดังกล่าวก็ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป จำไว้ว่าการดูแลสุขภาพและการรับรู้อาการเบื้องต้นเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงและรักษาโรคร้ายแรงได้ทันท่วงที อย่าละเลยสัญญาณเหล่านี้จากร่างกายของคุณนะคะ