"โลกเดือด ใครเดือดร้อน?" จากกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม
อุณหภูมิสูงขึ้น
เกิดโรคและความเจ็บป่วยอันเนื่องมาจากความร้อน การทำงานหรือการเดินทางลำบากขึ้น เกิดไฟป่าง่ายขึ้นและลุกลามเร็วกว่าเดิม อุณหภูมิในบริเวณขั้วโลกเหนือสูงขึ้น 2 เท่าของค่าเฉลี่ยทั่วโลก
ความยากจนและการพลัดถิ่น
ผู้คนจำนวนมากกลายเป็นผู้พลัดถิ่นจากผลของน้ำท่วม พายุไซโคลน และความแห้งแล้ง
ในปี พ.ศ. 2565 มีผู้พลัดถิ่นจากความรุนแรงของสภาพภูมิอากาศเกือบ 32 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 41 จากปี พ.ศ. 2551
พายุรุนแรง
เกิดพายุที่รุนแรงขึ้นและถี่ขึ้น เกิดน้ำท่วม ดินถล่ม สร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนและชุมชน เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน
ภัยแล้ง
ความแห้งแล้งทำให้พายุฝุ่นและพายุทรายรุนแรงมากขึ้น ส่งผลต่อภาคการเกษตร เกิดปัญหาขาดแคลนอาหารและน้ำ ผู้คนมากมายไม่มีน้ำดื่มน้ำใช้เพียงพอต่อการดำรงชีวิต
น้ำทะเลสูงขึ้น
ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นจากการละลายของธารน้ำแข็งและแผ่นน้ำแข็ง ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชายฝั่งทะเล อีกทั้งมหาสมุทรดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้น้ำทะเลเป็นกรด เป็นอันตรายต่อสัตว์ทะเล
สิ่งมีชีวิตสูญพันธุ์
สภาพภูมิอากาศสุดขั้ว อุณหภูมิที่สูงขึ้น ภัยธรรมชาติ เกิดโรคระบาดรุนแรงขึ้น ทำให้สิ่งมีชีวิตสูญพันธุ์เร็วขึ้น ในประวัติศาสตร์ และคาดว่าภายในไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า สิ่งมีชีวิตจะสูญพันธุ์ กว่า 1 ล้านชนิด บางชนิดไม่สามารถปรับตัวหรือย้ายถิ่นฐานได้ทัน
อาหารขาดแคลน
สถานการณ์ความแห้งแล้ง ส่งผลให้ประชากรโลก 2.3 พันล้านคน เผชิญกับความไม่มั่นคงทางอาหาร
ปัญหาสุขภาพ
โรคภัยไข้เจ็บมากขึ้น เช่น โรคมาลาเรีย อีกทั้ง สภาพอากาศที่ร้อนขึ้นส่งผลต่อสุขภาพ เกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับความร้อน
อากาศที่ร้อนส่งผลให้ผู้ป่วยโรคหัวใจเรื้อรังเข้าห้องฉุกเฉิน 109 คน ภายในช่วง 1 คืนที่ผ่านมาในกรุงเบลเกรด
#นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ยกตัวอย่างขึ้นมา ที่เป็นผลพวงของโลกเดือด ที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ ส่งผลกระทบต่อทุกคนบนโลก ซึ่งกลุ่มเปราะบางจะได้รับผลกระทบเป็นกลุ่มแรกและหนักที่สุด เราทุกคนต้องร่วมมือกัน ร่วมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ลดปัญหาโลกเดือด
อ้างอิง